4 เคล็ดลับจัดการกับโรคอ้วนลงพุงได้ง่ายๆ แค่ทำตามวิธีเหล่านี้

4 เคล็ดลับจัดการกับโรคอ้วนลงพุงได้ง่ายๆ แค่ทำตามวิธีเหล่านี้

ปัญหาอ้วนลงพุง เป็นปัญหาที่พบบ่อยมากในทุกเพศทุกวัย ซึ่งบางครั้งแม้แต่คนที่ผอมก็ยังมีปัญหาอ้วนลงพุงได้เช่นกัน การมีไขมันหน้าท้องสะสมเยอะนอกจากจะทำให้รู้สึกอึดอัดแล้ว ยังทำให้ใส่เสื้อผ้าแล้วไม่สวย แถมยังอาจทำให้เกิดโรคหลายโรคตามมา มากมาย ดังนั้นเราจึงมีเคล็ดลับเด็ด ๆ ที่จะช่วยจัดการกับโรคอ้วนลงพุง ให้หายไป เผยเอวบาง ๆ เนียนเรียบไม่มีไขมันส่วนเกินให้หนุ่ม ๆ ได้มองกันตาค้างด้วยเทคนิคเหล่านี้

1. ลด ละ เลิกการรับประทานน้ำตาล

การกินน้ำตาลมากเกินไปจะส่งผลต่อโรคอ้วนลงพุงได้ง่ายมาก แต่การลดน้ำตาลนั้นก็ค่อนข้างที่จะยากหน่อยเพราะน้ำตาลแฝงนั้นมีอยู่ทั่วไปในอาหารเกือบจะทุกประเภท เพื่อการลดพุงที่ดี เราต้องเลือกทำอาหารกินเอง เพื่อที่เราจะได้ควบคุมปริมาณน้ำตาลที่เราจะรับประทานเข้าไปได้อย่างพอเหมาะ อีกทั้งเราต้องควบคุมการรับประทานเครื่องดื่มให้ดี เช่นเลือกดื่มน้ำเปล่า หรือชาเขียวที่ไม่ใส่น้ำตาล แทนการรับประทานน้ำอัดลม เป็นต้น

2. ควบคุมอาหารการกิน

การกินอาหารที่มีแบบแผนจะช่วยลดการอ้วนลงพุงได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังไม่ทำให้คุณต้องเหนื่อยกับการออกกำลังกายที่มากเกินไปที่อาจจะทำให้คุณรู้สึกท้อแท้กลางคันได้ ซึ่งการควบคุมอาหารการกินที่เหมาะสม ควรทำ เช่น

  • ลดการรับประทานคาร์โบไฮเดรตในมื้ออาหารลง หรือเปลี่ยนจากการรับประทานข้าวขาวเป็นข้าวกล้อง หรือข้าวไม่ขัดสีแทน เนื่องจากข้าวกล้องจะเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนที่ร่างกายย่อยสลายได้ช้า ส่งผลให้เกิดการสะสมเป็นไขมันได้ลดลง
  • กินโปรตีนให้มากขึ้น เนื่องจากโปรตีนจะช่วยให้ร่างกายอิ่มเร็วและอิ่มนาน อีกทั้งยังช่วยให้ร่างกายได้ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้ดี
  • เพิ่มผักและผลไม้ในทุกมื้ออาหาร เพื่อให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้สะดวกขึ้น และช่วยแก้อาการท้องผูกได้
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพื่อช่วยให้ระบบต่างๆของร่างกายทำงานได้อย่างราบรื่น

3. งดดื่มแอลกอฮอล์

การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์จะทำให้เกิดโรคอ้วนลงพุงได้ง่ายมาก  ซึ่งจากการศึกษาหนึ่งพบว่า ผู้คนจำนวน 2000 คนที่ดื่มแอลกอฮอล์ 1 แก้วเป็นประจำทุกวันสามารถเกิดโรคอ้วนลงพุงได้มากกว่าผู้ที่ไม่ได้ดื่มถึง 28 %

4. ทำใจให้สบายและไม่เครียด

ความเครียดจะทำให้ระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลสูงมากขึ้น และฮอร์โมนนี้จะทำให้ร่างกายเก็บกักไขมันเอาไว้ที่พุงมากขึ้น นั่นเป็นเหตุผลที่คนเครียดมักมีปัญหาอ้วนลงพุง การจัดการกับความเครียดอาจทำได้หลายวิธี เช่น ทำสมาธิ  ฟังเพลง อ่านหนังสือ หรือการใช้ความหอมเพื่อช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายและสลายความเครียด

การรักษาโรคอ้วนลงพุง จริงๆแล้วสามารถทำได้ด้วยตัวเอง แค่ปรับพฤติกรรมการกินและการใช้ชีวิตอยู่ให้เหมาะสมและหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจก่อให้เกิดไขมันสะสม เพียงเท่านี้ปัญหาอ้วนลงพุง ก็จะโบกมือลาไปอย่างถาวร

ลดความอ้วนง่ายๆ ด้วย การ "ดีท็อกซ์"

ลดความอ้วนง่ายๆ ด้วย การ “ดีท็อกซ์”

ลดความอ้วนง่ายๆ นั้นง่ายกว่าที่คิดด้วยการทำความสะอาดลำไส้ ถือเป็นอีกกระบวนการหนึ่งที่จะช่วยลดน้ำหนักได้ เนื่องจากช่วยกำจัดของเสียที่คั่งค้างอยู่ให้ออกไปจากร่างกายและวันนี้เราจึง ขอนำเสนอวิธีการลดความอ้วน ด้วยวิธีดีท็อกซ์ ซึ่งวิธีนี้เป็นการขับสารพิษและสิ่งส่วนเกินที่ก่อให้เกิดความอ้วน รวมทั้งความผิดปกติของร่าย ออกจากตัวเรา

  วิธีการทำดีท็อกซ์ นั้น สามารถทำได้ง่ายๆ โดยสรุปเป็นวิธีการต่างๆ ได้ดังนี้

1.วิธีการสวนทวาร

2.วิธีการอบไอน้ำหรืออบซาวน่า

3.วิธีการออกกำลังกาย บริหารร่างกาย หรือนวด

4. วิธีการดื่มน้ำดีท็อกซ์ ยาสมุนไพร  และใช้เอนไซม์

5. วิธีการถ่ายเลือด ซึ่งวิธีนี้ต้องอยู่ในความควบคุมของผู้เชี่ยวชาญหรือแพทย์เท่านั้น

 โดยวิธีที่เราจะแนะนำในวันนี้เป็นวิธีที่สามารถทำได้ง่าย ไม่ยุ่งยากและที่สำคัญสามารถทำได้เลย หลังจากอ่านบทความนี้จบ …วิธีนั้นคือ  การดื่มน้ำดีท็อกซ์

 น้ำดีท็อกซ์เราจะนำเสนอนั้น ได้แก่ น้ำมะนาว ซึ่ง การใช้น้ำมะนาว เราสามารถนำมาทำเป็นเครื่องดื่มดีท็อกซ์ ได้ หลายรูปแบบ เช่น

 – นำน้ำมะนาว 1 ลุก ผสมกับ โยเกิร์ต 1 ถ้วย  เพื่อทำเป็นโยเกิร์ตรสมะนาว รสชาติอร่อย แถมยังมีสุขภาพที่ดี ปราศจากความอ้วนและสารพิษอีกด้วย

 – นำน้ำมะนาว ผสมกับน้ำร้อน และน้ำผึ้ง เพื่อทำเป็นน้ำมะนาวคั้นร้อนๆ โดยนอกจากจะรสชาติดีจากน้ำผึ้งแล้ว ยังขับสารพิษจากมะนาวอีกด้วย โดย มีข้อแนะนำคือ

ถ้าจะทำเป็นน้ำมะนาวคั้น ไม่ควรใช้น้ำเย็นหรือใส่ในน้ำแข็ง เพราะจะทำให้การดีท็อกซ์ทำได้ลดลง

   นอกจาก น้ำดีท็อกซ์ จากน้ำมะนาวแล้ว เรายังสามารถใช้น้ำผัก ผลไม้อื่นๆ มาดีท็อกซ์ ได้ เช่น น้ำส้ม น้ำแครอท

  ***การดื่มน้ำดีท็อกซ์นั้น ควร ดื่มก่อนอาหารเช้า หรืออาหารมื้อแรกของวัน เพื่อประโยชน์ในการทำดีท็อกซ์ สูงสุด***

ลดน้ำหนัก 11 กิโลได้ใน 2 สัปดาห์ง่ายๆด้วยไข่ต้ม

ลดน้ำหนัก 11 กิโลได้ใน 2 สัปดาห์ง่ายๆด้วยไข่ต้ม

ลดน้ำหนัก 11 กิโลได้ใน 2 สัปดาห์ง่ายๆด้วยไข่ต้ม

หากคุณต้องการลดน้ำหนักให้ได้อย่างรวดเร็ว ไข่ต้ม ถือว่าเป็นอาหารที่เหมาะกับคุณ เพียงไข่ต้มกับผักและผลไม้อีกจำนวนหนึ่งก็เพียงพอสำหรับการลดน้ำหนักให้ได้อย่างสมบูรณ์และรวดเร็ว เพราะอาหารเหล่านี้จะไปเร่งการเผาผลาญของไขมันแถมยังทำให้คุณรู้สึกอิ่มนาน ลดการกินอาหารจุบจิบลงไปได้

การดื่มน้ำก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับการลดน้ำหนักที่ได้ผล เพราะจะช่วยให้ร่างกายของคุณชุ่มชื่น ช่วยหล่อเลี้ยงและลำเลียงออกซิเจนและอาหารเข้าสู่ผิวพรรณและร่างกายของคุณ การดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว อาจจะดูเยอะแต่ก็จะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในการลดน้ำหนักได้อย่างง่ายๆ โดยไม่ต้องเสียเงินแพงๆ  เชื่อไหมว่าการที่คุณรู้สึกหิวบ่อยๆนั้นเป็นเพราะร่างกายของคุณขาดน้ำ ดังนั้นหากอยากลดน้ำหนักให้ได้ 11 กิโลภายใน 2สัปดาห์แล้วล่ะก็ลองทำตามเคล็ดลับต่อไปนี้

อาหารที่เราจะแนะนำต่อไปนี้มีกฎง่ายๆคือ ห้ามกินอาหารขยะ ไม่ว่าจะเป็นของหวาน เบอร์เกอร์หรือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปต่างๆ และต้องจำกัดการบริโภคเกลือ น้ำตาล รวมถึงน้ำอัดลมและแอลกอฮอล์ จะทำให้เป้าหมาย 11 กิโลนี้ประสบความสำเร็จในการลดน้ำหนักอย่างสมบูรณ์และไม่กลับมาอ้วนซ้ำ

สัปดาห์ที่ 1

วันจันทร์

อาหารเช้า: ไข่ต้ม 2 ฟองและผลไม้รสเปรี้ยว

อาหารกลางวัน: ขนมปังโฮลวีล 2 ชิ้นและผลไม้รสปกติไม่หวาน

มื้ออาหารเย็น: สลัดและอกไก่ไม่ใส่หนัง

 

วันอังคาร

อาหารเช้า: ไข่ต้ม 2 ฟองและผลไม้รสเปรี้ยว

อาหารกลางวัน: ผักสีเขียวและอกไก่ไม่เอาหนัง

อาหารค่ำ: สลัดผักพร้อมส้มชิ้นหนึ่งและไข่ต้ม 2 ฟอง

 

วันพุธ

อาหารเช้า: ไข่ต้ม 2 ฟองและผลไม้รสเปรี้ยว

อาหารกลางวัน: ชีสไขมันต่ำ, มะเขือเทศ 1 ชิ้นและขนมปังโฮลวีต 1 ชิ้น

เย็น: สลัดและอกไก่ไม่เอาหนัง

อยากหุ่นดีแบบไม่มีโยโย่ แค่ปรับการใช้ชีวิต ให้หนังสือเล่มนี้เป็นตัวช่วยของคุณ

วันพฤหัสบดี

อาหารเช้า: ไข่ต้ม 2 ฟองและผลไม้รสเปรี้ยว

อาหารกลางวัน: ผลไม้ไม่หวาน

ดินเนอร์: สลัดและไก่นึ่ง

 

วันศุกร์

อาหารเช้า: ไข่ต้ม 2 ฟองและผลไม้รสเปรี้ยว

อาหารกลางวัน: ผักนึ่งและไข่ ต้ม 2 ฟอง

อาหารเย็น: สลัดและบาร์บีคิวหรือปลานึ่งปลาต้ม ปลาเผา งดปลาทอด

วันเสาร์

อาหารเช้า: ไข่ต้ม 2 ฟองและผลไม้รสเปรี้ยว

อาหารกลางวัน: ผลไม้ไม่หวาน

ดินเนอร์: ไก่และผักนึ่ง

 

วันอาทิตย์

อาหารเช้า: ไข่ต้ม 2 ฟองและผลไม้รสเปรี้ยว

อาหารกลางวัน: สลัดมะเขือเทศผักนึ่งและไก่

มื้อเย็น: ผักนึ่ง

 

สัปดาห์ที่ 2

วันจันทร์

อาหารเช้า: ไข่ต้ม 2 ฟองและผลไม้รสเปรี้ยว

อาหารกลางวัน: สลัดและอกไก่ไม่เอาหนัง

อาหารค่ำ: ส้ม3ชิ้น สลัดและไข่ 2 ฟอง

 

วันอังคาร

อาหารเช้า: ไข่ต้ม 2 ฟองและผลไม้รสเปรี้ยว

อาหารกลางวัน: ผักนึ่งและไข่ ต้ม 2 ฟอง

อาหารเย็น: สลัดและบาร์บีคิวหรือปลา

 

วันพุธ

อาหารเช้า: ไข่ต้ม 2 ฟองและผลไม้รสเปรี้ยว

อาหารกลางวัน: ไก่และสลัด

อาหารเย็น: ส้ม 1 ชิ้น, สลัดผักและไข่ ต้ม 2ฟอง

 

วันพฤหัสบดี

อาหารเช้า: ไข่ต้ม 2 ฟองและผลไม้รสเปรี้ยว

อาหารกลางวัน: ผักนึ่ง, ชีสไขมันต่ำพร้อมไข่ ต้ม 2 ฟอง

อาหารเย็น: ไก่นึ่งและสลัด

 

วันศุกร์

อาหารเช้า: ไข่ต้ม 2 ฟองและผลไม้รสเปรี้ยว

อาหารกลางวัน: สลัดปลาทูน่า

อาหารเย็น: สลัดและไข่ ต้ม 2 ฟอง

 

วันเสาร์

อาหารเช้า: ไข่ต้ม 2 ฟองและผลไม้รสเปรี้ยว

อาหารกลางวัน: สลัดและไก่

เย็น: ผลไม้

 

วันอาทิตย์

อาหารเช้า: ไข่ต้ม 2 ฟองและผลไม้รสเปรี้ยว

อาหารกลางวัน: ผักนึ่งและไก่ไม่เอาหนัง

อาหารเย็น: ผักนึ่งและไก่ไม่เอาหนัง

อยากหุ่นดีแบบไม่มีโยโย่ แค่ปรับการใช้ชีวิต ให้หนังสือเล่มนี้เป็นตัวช่วยของคุณ

อาหารเหล่านี้จะได้ผลในการลดน้ำหนักอย่างดีเยี่ยมเมื่อคุณออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาทีต่อวันควบคู่ไปด้วย ซึ่ง จากอาหารเหล่านี้คุณจะเห็นได้ว่าเป็นอาหารที่ไม่มีคาร์โบไฮเดรต ดังนั้นสำหรับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ จำเป็นต้องปรึกษาแพทย์ก่อนที่จะเริ่มรับประทานเพราะอาจทำให้ปัญหาสุขภาพที่คุณเป็นอยู่รุนแรงขึ้นได้ แต่สำหรับผู้ที่แข็งแรงปกติแต่อยากลดน้ำหนักอย่างเร่งด่วนสามารถใช้วิธีเหล่านี้ได้ แต่ไม่ควรเกิน 2 สัปดาห์เมื่อน้ำหนักคุณลดได้ดังใจแล้ว ก็ให้คุณปรับเปลี่ยนอาหารให้พอเหมาะและออกกำลังกายควบคุมไปด้วยจะช่วยให้คุณมีรูปร่างที่ดีและไม่กลับมาอ้วนอีก

รู้หรือไม่ ทำท่าแพลงก์ครบ 28 วันช่วยให้หน้าท้องแบนราบได้อย่างไม่น่าเชื่อ

รู้หรือไม่ ทำท่าแพลงก์ครบ 28 วันช่วยให้หน้าท้องแบนราบได้อย่างไม่น่าเชื่อ

รู้หรือไม่ ทำท่าแพลงก์ครบ 28 วันช่วยให้หน้าท้องแบนราบได้อย่างไม่น่าเชื่อ

ความแข็งแรงของแกนกลางของร่างกาย หมายถึงความแข็งแรงของกลุ่มกล้ามเนื้อในช่องท้องและหลัง กล้ามเนื้อส่วนนี้จะช่วยรักษาความสมดุลของกระดูกสันหลังและการทรงตัว หากในชีวิตประจำวันคุณจะต้องนั่งอยู่ตลอดเวลา การเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแกนกลางนี้จึงเป็นสิ่งจำเป็นต่อสุขภาพมากกว่าที่คุณคิด เพราะกล้ามเนื้อแกนกลางเหล่านี้จะช่วยพยุงกระดูกสันหลัง ช่วยป้องกันอาการปวดหลังปวดเอวที่อาจจะเกิดขึ้นได้

การออกกำลังกายด้วยท่าแพลงก์อาจจะเป็นการออกกำลังกายที่ดูน่าเบื่อ เพราะคุณจะต้องทำท่าเดิมซ้ำไปซ้ำมา แต่เชื่อไหมว่า มันให้ผลดีกับร่างกายของคุณมากกว่าที่คิด

ท่าแพลงก์มีประโยชน์มากๆ

ท่าแพลงก์เป็นการออกกำลังกายที่เน้นความอดทนและแข็งแรง ซึ่งตามที่ดร. Jinger Gottschall ผู้ช่วยศาสตราจารย์วิชาสรีรวิทยาที่ Penn State University ได้กล่าวไว้ว่า ท่าแพลงก์จะช่วยรักษาความมั่นคงของกล้ามเนื้อแกนกลาง ช่วยปรับบุคลิกและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ เพราะนอกจากจะช่วยให้หน้าท้องแบนราบและมีกล้ามเนื้อที่สวยงามแล้ว ยังช่วยลดอาการปวดหลัง สามารถปรับปรุงสภาพอารมณ์และเพิ่มความยืดหยุ่นของร่างกาย โดยในวันนี้เราจะมาแนะนำการออกกำลังกายด้วยท่าแพลงก์ ใน 28 วัน ที่จะช่วยให้หน้าท้องกระชับและบุคลิกดีขึ้นได้ในเวลาไม่นาน

การออกกำลังกาย 28 วัน ด้วยท่าแพลงก์

การจัดตารางออกกำลังกายด้วยท่าแพลงก์ที่เราจะแนะนำนี้ จะช่วยให้คุณมีรูปร่างที่ดีได้ โดยเฉพาะสาวๆที่ต้องการลดหน้าท้องนั้นไม่ควรพลาด ซึ่งการออกกำลังกายด้วยท่าแพลงก์ที่ได้ผลดี จำเป็นต้องปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง จนครบกำหนดระยะเวลาแล้ว คุณจะเห็นความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน

วันที่ 1 ให้ออกกำลังกายด้วยท่าแพลงก์ 20 วินาที

วันที่ 2 ให้ออกกำลังกายด้วยท่าแพลงก์ 20 วินาที

วันที่ 3 ให้ออกกำลังกายด้วยท่าแพลงก์ 30 วินาที

วันที่ 4 ให้ออกกำลังกายด้วยท่าแพลงก์ 30 วินาที

วันที่ 5 ให้ออกกำลังกายด้วยท่าแพลงก์ 40 วินาที

วันที่ 6 ให้หยุดพักผ่อน 1 วัน

วันที่ 7 ให้ออกกำลังกายด้วยท่าแพลงก์ 45 วินาที

วันที่ 8 ให้ออกกำลังกายด้วยท่าแพลงก์ 45 วินาที

วันที่ 9 ให้ออกกำลังกายด้วยท่าแพลงก์ 60 วินาที

วันที่ 10 ให้ออกกำลังกายด้วยท่าแพลงก์ 60 วินาที

วันที่ 11 ให้ออกกำลังกายด้วยท่าแพลงก์ 60 วินาที

วันที่ 12 ให้ออกกำลังกายด้วยท่าแพลงก์ 90 วินาที

วันที่ 13 ให้หยุดพักผ่อน 1 วัน

วันที่ 14 ให้ออกกำลังกายด้วยท่าแพลงก์ 90 วินาที

วันที่ 15 ให้ออกกำลังกายด้วยท่าแพลงก์ 90 วินาที

วันที่ 16 ให้ออกกำลังกายด้วยท่าแพลงก์ 120 วินาที

วันที่ 17 ให้ออกกำลังกายด้วยท่าแพลงก์ 120 วินาที

วันที่ 18 ให้ออกกำลังกายด้วยท่าแพลงก์ 150 วินาที

วันที่ 19 ให้ออกกำลังกายด้วยท่าแพลงก์ 150 วินาที

วันที่ 20 ให้หยุดพัก 1 วัน

วันที่ 21 ให้ออกกำลังกายด้วยท่าแพลงก์ 150 วินาที

วันที่ 22 ให้ออกกำลังกายด้วยท่าแพลงก์ 180 วินาที

วันที่ 23 ให้ออกกำลังกายด้วยท่าแพลงก์ 180 วินาที

วันที่ 24 ให้ออกกำลังกายด้วยท่าแพลงก์ 210 วินาที

วันที่ 25 ให้หยุด 1 วัน

วันที่ 26 ให้ออกกำลังกายด้วยท่าแพลงก์ 210 วินาที

วันที่ 27 ให้ออกกำลังกายด้วยท่าแพลงก์ 240 วินาที

วันที่ 28 ให้ออกกำลังกายด้วยท่าแพลงก์ ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้

อยากมีหุ่นสวยแบบไม่เหนื่อยหนังสือเล่มนี้ช่วยคุณได้

เมื่อออกกำลังกายด้วยท่าแพลงก์ตามที่เราแนะนำได้จนครบ 28 วันแล้ว รับรองได้เลยว่า คุณจะเห็นความเปลี่ยนแปลงของร่างกายของคุณอย่างชัดเจน เชื่อว่าคุณจะรักร่างกายของคุณได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นสาวๆที่ต้องการหน้าท้องที่แบนราบมีกล้ามเนื้อเล็กๆ สามารถใช้วิธีนี้ได้ ถ้าทำแล้วได้ผลอย่างไร อย่าลืมกลับมาเม้นบอกกันด้วยนะคะ